วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2559

3.เทศโนโลยีสารสนเทศ information technology เกี่ยวกับเทศโนโลยีทางด้านใดบ้าง

ในสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ จะศึกษาด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับการนำคอมพิวเตอร์ไปจัดการกับข้อมูลข่าวสาร ทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยจัดเป็นหมวดหมู่ได้ดังนี้คือ
  1. เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมและซอฟต์แวร์นักศึกษาจะได้ศึกษาถึง วิธีการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาต่างๆ ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ซึ่งภาษาที่ศึกษาหลักๆ ได้แก่ ภาษาซี ภาษาจาวา ภาษาพีเฮชพี และภาษาเอส คิวแอล เป็นต้น นอกจากนี้ยังศึกษาถึงหลักการเขียนโปรแกรมหรืออัลกอริธึม และศึกษาว่ามีโครงสร้างข้อมูลอะไรบ้างที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม รวมทั้งศึกษาว่า ภาษาที่ใช้ในการโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร และศึกษาวิธีการแปลงภาษาระดับสูงที่มนุษย์เข้าใจ ไปเป็นภาษาเครื่องที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ รวมทั้งศึกษาวิธีการเขียนออกแบบระบบ

  2. เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับโครงสร้างของคอมพิวเตอร์และการควบคุมคอมพิวเตอร์นักศึกษาจะได้ศึกษาว่า คอมพิวเตอร์ประกอบด้วยวงจรไฟฟ้าแบบดิจิตอลอย่างไร และศึกษาว่าคอมพิวเตอร์มีโครงสร้างหรือสถาปัตยกรรมเป็นแบบใด และศึกษาว่านอกจากฮาร์ดแวร์แล้วคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องมีโปรแกรมพื้นฐาน ไว้ติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์ ที่เรียกว่า ระบบปฏิบัติการหรือโอเอส รวมทั้งศึกษาวงจรคอมพิวเตอร์เฉพาะงาน ที่เรียกว่าไมโครโปรเซสเซอร์ และการนำไมโครโปรเซสเซอร์ไปประยุกต์ใช้งานต่างๆ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นที่กล่าวถึงกันอยู่ในปัจจุบันก็คือ ระบบสมองกลฝังตัวซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ที่ฝังตัวอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น รถยนต์ โทรทัศน์ วิทยุ ตู้เย็น และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เป็นต้น

  3. เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารนักศึกษาจะได้ศึกษาถึง พื้นฐานของการสื่อสารข้อมูล โครงสร้างและโปรโตคอลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (คอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์ค) การนำคอมพิวเตอร์มาเชื่อมโยงกันเพื่อใช้งานร่วมกัน รวมทั้งศึกษาถึง การนำคอมพิวเตอร์ไปให้บริการต่างๆ ทางอินเตอร์เน็ต และเทคโนโลยีสารสนเทศบนเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา เช่น มือถือ เครื่องปาล์ม เป็นต้น

  4. เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ในงานด้านกราฟิก มัลติเมเดียนักศึกษาจะได้ศึกษาถึง การประยุกต์คณิตศาสตร์ไปใช้กับการออกแบบชิ้นงานที่มีรูปร่างต่างๆ ซึ่งศาสตร์ด้านนี้รู้จักในชื่อของ ซอฟต์แวร์ประเภทแคด/แคม รวมทั้งการนำคอมพิวเตอร์ไปจัดการกับภาพและเสียง

  5. เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ทำงานที่ชาญฉลาดนักศึกษาจะได้ศึกษาถึง วิธีการสร้างระบบสารสนเทศที่มีความชาญฉลาด หรือศาสตร์ที่ชื่อว่าปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งจะศึกษาเกี่ยวกับระบบสารสนเทศที่เลียนแบบมนุษย์ เช่น ระบบผู้เชี่ยวชาญ ระบบวิเคราะห์ภาพ ระบบวิเคราะห์เสียง เป็นต้น

  6. เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศนักศึกษาจะได้ศึกษาถึงระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหาร ระบบสารสนเทศด้านการบัญชี ระบบพาณิชย์อีเล็กทรอนิกส์ หรือ อีคอมเมิร์ซ และลักษณะการลงทุนด้านธุรกิจไอที
ประโยชน์
 

2.จงอธิบายความหมายของคำศัพท์ต่อไปนี้

 LAN คือ 
มันก็มีอยู่หลายๆวิธีและชนิดของการป้องกันอ่ะนะครับ เอาซักสองประเภทใหญ่ๆแล้วกันครับ 
- ต้องมีระบบจัดการการเข้าถึงข้อมูล สิทธิ์การใช้งานระบบต่างๆ เช่น username, password นี่ต้องมีแน่ๆขาดไม่ได้เด็ดขาดครับ ก็ขึ้นกับ server ที่ใช้เป็นอะไร แต่ทุกๆ OS สามารถทำงานลักษณะนี้ได้แน่นอนอยู่แล้วเพราะ OS ของ server เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ครับ กำหนดการ share folder ต่างๆให้เหมาะสมกับการใช้งานในองค์กร เช่น อาจแบ่งเป็นแผนกๆและสามารถให้คน (user) ในแผนกนั้นๆเข้าใช้งานได้เท่านั้น และยังสามารถกำหนดสิทธิ์การใช้งานได้อีก เช่น สามารถดู อ่าน ได้อย่างเดียว ไม่สามารถเขียน ลบ ได้เป็นต้น ... มีอีกเยอะครับ บลา บลา บลา ..... 
- อีกแบบคือ ตรวจสอบภายในระบบ LAN ว่ามีใครอยู่บ้างที่เข้ามาในระบบ นั่นหมายถึงมีตัวตน มี IP address เข้ามาแล้ว อาจจะยังไม่ได้เข้า server ของเราก็ได้ แต่นั่นก็หมายถึงว่า เค้าเป็นใคร รู้จักหรือไม่ เป็นพนักงานหรือบุคลากรของเราหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ แล้วเค้าเข้ามาในระบบได้ยังไงกัน ควรตั้งคอมซักเครื่องเพื่อทำงานพวกนี้ครับ อาจใช้เครื่อง server ก็ได้ ติดตั้งโปรแกรมประเภทตรวจสอบ LAN, IP, traffic ต่าง เช่น What's up gold, LANsurveyor หรืออื่นๆ มากมายครับโปรแกรมจำพวกนี้ มันจะ scan ระบบอยู่ตลอดเวลาว่ามีใคร มี IP อะไรอยู่บ้าง สามารถดูได้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลในระบบ LAN ของเราหรือป่าว .... 
สองประเภทคร่าวๆดังนี้ก็น่าจะพอเพียงสำหรับระบบ LAN ที่ไม่ใหญ่มากน่ะครับ

MAN คือ
man-hour เป็นหน่วยที่ใช้ประเมินการใช้เวลาและจำนวนคนในการทำงานชิ้นหนึ่งหนึ่งเช่นงานขุดดิน 1 ลูกบาศก์เมตร(1m. x 1m. x1m.)ใช้ 6 man-hour หมายความว่างานขุดดินนี้ถ้าใช้คน 3 คน จะเสร็จใน 2 ชั่วโมง, หากให้เวลา 3 ชั่วโมงกับงานนี้ จะใช้เพียง 2 คน (เป็นบัญญัติไตรยางค์ส่วนกลับ) ดังนี้เป็นต้น (แต่ต้องอิงกับเหตุผลด้วยนะครับ ไม่ใช้บอกว่างานขุดดินนี้ หากใช้คน 100 คน จะใช้เวลา 3.6 นาที ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว เป็นไปไม่ได้เพราะคน 100 คน รุมกันขุดดิน 1m. x 1m. x1m. น่าจะเหยียบกัน) 
 
cyberspace คือ
หมายถึงพื้นที่ว่าง ในที่นี้หมายถึง ที่ว่าง หรืออวกาศ ที่สร้างขึ้นด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ใช้เพื่อสื่อสารติดต่อกัน ซึ่งสามารถติดต่อกันได้ทั่วโลกเหมือนท่องไปในอวกาศ เช่น การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น


Mainframe คือ
หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีสมรรถนะสูงยิ่ง มีหน่วยความจำขนาดมหึมา มีสถานีปลายทางหลายสถานี มีอุปกรณ์นำข้อมูลเข้า และแสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ คอม พิวเตอร์ขนาดใหญ่นี้ ต้องอยู่ในห้องที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี (เพราะต้องการความเย็นมาก) ห้องต้องมีขนาดกว้างขวาง นอกจากนั้นยังใช้กำลังไฟสูง และมีราคาแพงมาก บางทีเรียก mainframe computer

1.ข้อมูล Data แตกต่างจากสารสนเทศ lnfomnation อย่างไร

           
    ข้อมูล (Data)
 

คือ ข้อเท็จจริงที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือ เหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งข้อมูลสามารถหาได้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ คอมพิวเตอร์ หรือสิ่งรอบๆ ตัว 

ส่วน สารสนเทศ (Information) 
หมายถึง ข้อมูลที่ได้ผ่านการประมวลผลด้วยวิธีการที่เหมาะสม และถูกต้อง จนได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการ อยู่ในรูปแบบที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ และอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องการของผู้ใช้ 

และการประมวลผล (Process) อาจเกิดจากกิจกรรม ต่อไปนี้ 
- การจัดแบ่งกลุ่มข้อมูล 
- การจัดเรียงข้อมูล 
- การสรุปผล 
- การคำนวณ 
- ฯลฯ 

ยกตัวอย่างเช่น เราทราบมาว่า 
คะแนนดิบรายวิชา คอมพิวเตอร์ 108 ของนักเรียนชั้นม.5/1 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง จำนวน 20 คน : 
คะแนนดิบ ที่ว่า ก็คือ "ข้อมูล" 
หากเราต้องการทราบว่าแต่ละคนจะได้เกรดอะไรบ้าง ็ก็ต้องนำคะแนนดิบมาคำนวณหาเกรด 
การคำนวณหาเกรด ก็คือ "การประมวลผล" 
เกรดที่ได้ ก็คือ "สารสนเทศ" 

ข้อมูล อาจจะยังเอาไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ แต่... 
สารสนเทศ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น ใช้ในการตัดสินใจ ใช้ในการวางแผน เ็ป็นต้น